ประวัติ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 27
11:35 - 15 ธันวาคม 2551 (แก้ไขล่าสุด 11:36 - 15 ธันวาคม 2551)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีชื่อเล่นว่า "มาร์ค" เกิดวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ที่ เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ บุตรชายคนเดียว ในจำนวนบุตร 3 คน ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ มีพี่สาว คือ ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กและ น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ เจ้าของงานเขียน "ความสุขของกะทิ" รางวัลซีไรท์ ประจำปี พ.ศ. 2549 เมื่อ ด.ช.อภิสิทธิ์ มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี ครอบครัวเวชชาชีวะได้เดินทางกลับประเทศไทย ด.ช.อภิสิทธิ์ ได้เข้าเรียนระดับอนุบาลที่ โรงเรียนอนุบาลยุคลธรระดับประถมที่ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นได้ย้ายกลับประเทศอังกฤษเพื่อเข้าเรียนที่ โรงเรียนสเกทคลิฟ และเรียนต่อที่ โรงเรียนมัธยมอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเอกชน ระดับเตรียมอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ กรุงลอนดอน ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชา ปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ (Philosophy, Politics and Economics, P.P.E.) ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร 3 ปี โดยได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง[5][6] หลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี นายอภิสิทธิ์ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเขาชะโงก จังหวัดนครนายก เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ได้รับพระราชทานยศร้อยตรีก่อนจะลาออกจากราชการกลับไปศึกษาต่อระดับปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกครั้ง เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทแล้วได้กลับมาเป็นอาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจนสำเร็จปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกด้วย ต้นปี พ.ศ. 2549 นายอภิสิทธิ์ได้รับปริญญา นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากการใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนจึงเรียกนายอภิสิทธิ์ว่า "ดร.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในบางครั้ง[7] นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับ ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ น.ส.ปราง เวชชาชีวะ (มะปราง) และ ด.ช.ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ปัณ) ตระกูลเวชชาชีวะตระกูล "เวชชาชีวะ" มีบรรพบุรุษเป็นชาวจีน เดินทางโดยเรือมาขึ้นฝั่งที่จ.จันทบุรี ต่อมาในรุ่นคุณปู่ได้เข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ คือ "คุณปู่ใหญ่" พระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข2 สมัย ใน คณะรัฐมนตรี คณะที่ 29(10 ก.พ. 2502-8 ธ.ค. 2506) และ คณะรัฐมนตรี คณะที่ 30(11 ธ.ค. 2506- 11 มี.ค. 2512) และเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลบำราศนราดูร จ.นนทบุรี เมื่อ ปี พ.ศ. 2492 สกุล "เวชชาชีวะ" หรือ "Vejjajiva" เป็นนามสกุลพระราชทานสมัย รัชกาลที่6 ลำดับที่ 4,881 จากนามสกุลพระราชทานสมัย ร.6 ที่พระราชทาน รวมทั้งสิ้น6,423 นามสกุล โดยพระราชทานให้กับรองอำมาตย์ตรีหลง (หลง เวชชาชีวะ)แพทย์ประจำจังหวัดลพบุรี กับ นายจิ๊นแสง (บิดา) นายเป๋ง (ปู่) และนายก่อ(ปู่ทวด) เนื่องจากเป็นต้นตระกูลเป็นแพทย์จึงมีคำว่า "เวช"อยู่ในนามสกุลด้วย [8] นายอภิสิทธิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร โดยที่นายสุรนันท์เป็นบุตรของ นายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดาของนายอภิสิทธิ์ การรับราชการทหารช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่านายอภิสิทธิ์ไม่เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร[9][10] พร้อมทั้งแจกจ่ายจดหมายเปิดผนึกให้กับพรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชน[11]เรื่องดังกล่าวมีการเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542ในช่วงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ได้เคยแถลงว่าตนเคยรับราชการทหาร เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร ได้รับพระราชทานยศร้อยตรีโดยการเป็นอาจารย์ที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า[9]คำแถลงของนายอภิสิทธิ์ ได้รับการยืนยันจากกองทัพในขณะนั้นว่าเป็นความจริงแต่เนื่องจากการเข้ารับราชการ ต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร [12] จึงเกิดข้อกังขาว่า หากนายอภิสิทธิ์ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร เหตุใดจึงสามารถสมัครเข้าเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ เรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์เคยแถลงเพียงว่า เป็นอำนาจวินิจฉัยและความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานในขณะนั้นในอีกทางหนึ่งเรื่องนี้เคยมีความเห็นจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี พ.ศ. 2542 ว่าในครั้งนั้น นายอภิสิทธิ์สมัครเข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยขาดส่งหลักฐานทางทหารซึ่งมีฐานความผิดเพียงโทษปรับ และมีความเห็นว่านายอภิสิทธิ์ได้เข้ารับราชการทหารแล้ว [13] ช่วงเวลาเดียวกันมีความเห็น จากแหล่งข่าวในกองทัพว่ากองทัพบกมีเอกสารต้นขั้ว สด.๙ ที่ออกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพื่อบรรจุเป็นทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 จริงและมีเอกสาร สด.๑ ของสัสดีที่ยืนยันการรับ สด.๙ ด้วย อย่างไรก็ดีแม้นายอภิสิทธิ์ไม่มารับการตรวจเลือกและไม่ได้รับ สด.๔๓แต่เมื่อไปรับราชการ เป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหมในวันที่ 7สิงหาคม พ.ศ. 2530 ก็ถือว่ามีฐานะเป็นทหารแล้วเพียงแต่ไม่ไปแจ้งให้พ้นบัญชีคนขาดเท่านั้น[14] ประวัติการทำงาน
|
โดย : >_นู๋ปัJปou_< 18:09 - 11 มกราคม 2552 เก่งโคตรอ่ะ ยังกะอัจฉริยะเรยงิ เฮ้ออ อยากเรียนได้แบบนี้บ้าง 55+ |
โดย : *o* Eนู๋FilMOoo 15:47 - 11 มกราคม 2552 อยากจบอ็อกฟอร์ด เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมั่งจัง เก่งจิงๆ |
โดย : TOMSKOT 14:17 - 10 มกราคม 2552 เป็นปลื้มกับความเก่งของท่านอ่ะ แบบว่า รักประชาธิปัตย์สุดสุดเลย |
โดย : เด็กไม้แก่น 21:05 - 9 มกราคม 2552 สุดยอดคนใต้ชอบท่านกันทุกคนค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้ๆๆ |
โดย : “ღ”MooBee“ღ” 16:13 - 6 มกราคม 2552 งิงิ เก่งจัง สู่ต่อไป แหะๆ |
โดย : keenajung 13:08 - 31 ธันวาคม 2551 ชอบมากมายค่ะ เปงคนเก่งมากกกกกกกก |
โดย : NanarI 15:17 - 28 ธันวาคม 2551 ชอบ เปง คนที่มีความสามารถทีเดียว |
โดย : XXxx I'm SicK FucK xxXX 17:29 - 27 ธันวาคม 2551 ไม่ชอบอ่ะ -*- |
โดย : Saranai01 09:42 - 25 ธันวาคม 2551 สู้ๆๆ ครับ นายก ผมจะเอาใจช่วย |
โดย : MooMoo..... 18:09 - 21 ธันวาคม 2551 ชอบมากนายกคนหล่อ เก่งด้วยกิ้วๆๆ |
โดย : THENONG 15:35 - 21 ธันวาคม 2551 เรียนเก่งจัง |
โดย : ~ NooNok ~ 10:20 - 18 ธันวาคม 2551 ชอบมากๆเลย ปลื้มสุดๆ
พี่มาร์ค หล่อใหญ่ |
โดย : ป้ามู๋ว๋าน 18:50 - 17 ธันวาคม 2551 เชียร์เต็มที่มานานแล้วคับป๋ม |
โดย : ♬ Ukada_อสูรรัตติกาล ♬ 17:08 - 17 ธันวาคม 2551 เก่งดีจัง....ขอให้พัฒนาประเทศให้สงบสุข ตลอดไปนะคะ |
โดย : น้ำตาล 20:09 - 16 ธันวาคม 2551 เก่งน๊อ " |