วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร ตอนที่ 4 - 5
13:32 - 14 สิงหาคม 2562 (แก้ไขล่าสุด 13:58 - 14 สิงหาคม 2562)
ยิ่งกว่าสัจจะใด ๆ
อัน หลักแหลมเขาย่อมบังเกิดความแจ้งชัดหลักธรรมนี้ทันทีและความแจ้งชัดในหลักสัจ จธรรมที่แท้จริงนั้นท้จริงแล้วหาใช่ความเป็นหลักสัจธรรมอันแตกต่างออกไปไม่ นั่นเอง ตถาคตจึงได้ทรงกล่าวไว้ว่า หลักสัจธรรมที่แท้จริงนั้นเป็นเพียงแต่ชื่อที่ใช้เรียกขานเท่านั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การได้ยินคำสอนนี้ข้าพระองค์ฟังแล้วเกิดความเข้าใจและศรัทธาได้อย่างไม่ยาก นักแต่ในภายภาคหน้าอีก 500 ปีล่วงไป หากบุคคลใดมารับฟังพระสูตรนี้แลเวก็เกิดความเข้าใจและศรัทธาอย่างลึกซึ้ง เช่นนี้เขาเหล่านั้นย่อมบรรลุถึงผล บุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียวทำไมเล่า เพราะเขาเหล่านั้นอิสรจากความเห็นเรื่องอัตตา ตัวตน บุคล สัตว์และภพภูมต่าง ๆ เพราะเหตุใด ? เพราะการแปลกแยกโดยความเป็นอัตตาตัวตนนั้นล้วนเป็นความเห็นที่ผิด เฉกเช่น การแปลกแยกในเรื่องบุคคล สัตว์หรือภพภูมิต่าง ๆก็ล้วนเป็นความเห็นที่ผิดทั้งสิ้น บุคคลผู้นอกเหนือความเปลกแยกแตกต่างในทุก ๆ ปรากฏการณ์ ทุก ๆ สภาวะย่อมได้ชื่อว่า พระพุทธเจ้า ทั้งหลายพระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปว่าเป็นอย่างที่เธอกล่าว ถ้าบุคคลใดได้ฟังพระสูตรนี้ แล้วเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตกใจ หวาดกลัว ครั่นคร้ามเลยนั้น จงรู้ไว้เถิดว่า บุคคลผู้นั้นจะบรรลุผลอันยิ่งใหญ่อย่างหาได้ยากยิ่ง เราะเหตุใดเล่า ? เพราะตถาคตสอนว่า ทานบารมี โดยความจริงแล้ว หาใช่ทานบารมีไม่มันเป็นชื่อสมมุติเท่านั้นสุ ภูติ.ตถาคตได้สอนไว้เช่นเดียวกันว่าขันติบารมี แท้จริงแล้วหาใช่ขันติืบารมีไม่ มันเป็นชื่อสมมุติเท่านั้นทำไมถึงเป็นเช่นนั้นสุภูติ.ในอดีตชาติ เมื่อคราวที่พระราชาแห่งแคว้นกาลิงคะ ได้ทรงหั่นร่างกายของเราออกเป็นท่อน ๆ ตอนนั้นเรามิได้มีความรู้สึกแห่งความเป็นอัตตา ตัวตนของเราแต่อย่างใด เพราะเหตุใดเล่า ? เมื่อแขน - ขาของเราถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ หากเรายังมีความรู้สึกยึดมั่น - ถือมั่นให้ความแตกต่างในเรื่องอัตตาตัวตนอยู่ เราย่อมบังเกิดความโกรธแค้นอาฆาตเป็นแน่ คอมเม้นต์
กรุณา "เข้าสู่ระบบ" ก่อนคอมเม้นต์
|
บล็อกโปรด
|