บทความกฏแห่งกรรม
13:15 - 10 สิงหาคม 2562 (แก้ไขล่าสุด 13:31 - 10 สิงหาคม 2562)
บทความจากหนังสือ กฎแห่งกรรม โดย ท.เลียงพิบูลย์เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ผ่านไปไม่นานยังอยู่ในเขตต้นเดือน แผ่นที่ 1 ของปีใหม่ ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายพร้อมด้วยบันทึกฉบับหนึ่งส่งมาทางไปรษณีย์จาก พระมหารูปหนึ่งอยู่ในวัดที่มีชื่อเสียงทาง จังหวัดธนบุรี ความจริงเคยได้รับบันทึกจากพระภิกษุหลายรูป ซึ่งท่านได้ส่งมาให้ข้าพเจ้าทางไปรษณีย์ปีก่อน ๆ หลายเรื่องด้วยกัน ยาวบ้างสั้นบ้าง ซึ่งยังไม่ได้เขียน เพราะยังขาดข้อความบางตอนขัดต่อเหตุผลยังไม่สมบูรณ์ ส่วนมากเป็นเรื่องของฆราวาส บางเรื่องก็มีข้อสงสัยได้เขียนจดหมายไปถาม ขอให้ช่วยชี้ข้อความให้แจ่มกระจ่างกว่านี้ ก็ยังไม่ได้รับตอบ จึงเป็นเรื่องที่ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะเขียนขึ้นได้ แต่เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านและพิจารณาบันทึกของพระมหารูปนี้แล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีสาระสำคัญสงฆ์ และเป็นเรื่องของเพื่อนสงฆ์ของท่านผู้บันทึก จึงคิดว่าเป็นเรื่องทางธรรมกับทางโลกผู้ที่อยู่ในบรรพชิต เมื่อยังมีกิเลสแม้จะบวชตั้งแต่เป็นเณรจนครบอายุบวชเป็นพระภิกษุก็ดี หากยังไม่รู้ซึ้งทางธรรม ให้รู้ว่าเราบวชเพื่ออะไร แม้ร่างกายจะอยู่ในผ้าเหลือง แต่จิตใจยังมีโลภ รัก โกรธ หลง ก็ยังอยากออกมาผจญในทางโลกีย์ดูบ้าง แผ่นที่ 2 แผ่นที่ 3
สามารถจะพรรณนาถึงความสวยงามที่เห็นด้วยตา ความรู้สึกทางใจให้ใกล้ความจริงได้ และเป็นครั้งแรกนักบินอวกาศสามนายได้เห็นโลกมนุษย์ ระยะห่างประมาณสองแสนไมล์ว่าสวยงามเพียงไรข้าพเจ้ายกเว้นไม่กล่าวถึงดวงจันทร์ตามที่นักบินอวกาศรายงาน ขอกล่าวเพียงโลกมนุษย์ทำให้ชาวโลกที่สนใจพากันตื่นเต้นถึงความงามของโลก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แปลกใจเพราะเคยคิดอยู่แล้วว่า อันโลกมนุษย์นี้เต็มไปด้วยภูเขาลำเนาไพรมีไม้ดอกไม้ใบต่าง ๆ สีสวยงดงามอยู่แล้ว และทั้งมีมหาสมุทรสีครามมีลำน้ำใหญ่น้อยมากมาย และมีทั้งภูเขาไฟและภูเขาหิมะเราอยู่ห่างออกไปก็จะมองเห็นจุดกลมล่องลอยอยู่บนกลางอวกาศ เมื่อต้องแสดงอาทิตย์รวมสีสันเป็นจุดเดียวย่อมสวยสดงดงามตามธรรมชาติเป็นธรรมดา แผ่นที่ 4 ดังที่นักบินอวกาศบรรยายยกย่องอย่างหยดย้อยถึงความงามของโลกมนุษย์ เมื่อเห็นแต่ไกลย่อมตื่นเต้นสำหรับผู้รักธรรมชาติทั่วไป แต่มีใครบ้างที่คิดว่าโลกที่สวยงามลอยอยู่กลางอวกาศนี้เป็นที่น่าอยู่น่าอาศัยน่าจะมีความสบายและเพลิดเพลินนั้น มีความสกปรกโสมมแฝงอยู่ในจิตใจมนุษย์เป็นพลโลกไม่น้อย มีทั้งความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยาพยาบาท ความมักใหญ่ใฝ่สูง คอยช่วงชิงอำนาจ ล้วนแต่หนาแน่นด้วยกิเลสตัณหา ล้วนแต่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ด้วยทั้งสิ้น โชคมนุษย์ยังดีที่มีหลักธรรมของพระพุทธศาสนาชี้ให้เห็นทุกข์ และชี้ให้เห็นทางกำจัดทุกข์ เพราะสอนให้รู้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มีการเกิดมีการดับอยู่ตลอดเวลา แผ่นที่ 5 ฉะนั้น มนุษย์ที่ยังหลงใหลใฝ่ฝันงมงายว่าในโลกนี้เป็นที่น่าอยู่น่าภิรมย์ กิเลสบดบังมองไม่เห็นทุกข์ มองไม่เห็นธรรม ต่อมาผจญกับความทุกข์จึงมองเห็นธรรมแต่บางคนก็สายเกินไปที่จะแก้ไข บางคนก็ไม่สาย แล้วแต่ความเข้มแข็งและอดทนของจิตใจ แต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน เพราะบางคนแทนที่จะแก้ทุกข์ด้วยเหตุผลและธรรม กลับแก้ทุกข์ด้วยการทำลายตนเอง
คอมเม้นต์
กรุณา "เข้าสู่ระบบ" ก่อนคอมเม้นต์
|
บล็อกโปรด
|