โดย : nic 20:36 - 11 มกราคม 2555 สวัสดีตอนค่ำๆครับน้องมิต ทำไรอยู่นะ! |
โดย : nic 16:23 - 9 มกราคม 2555 อืมม...เป็นความรู้ใหม่ครับ! ปกติพี่ไม่ค่อยรู้จักประเพณีท้องถิ่นเท่าไหร่ ที่บ้านน้องมิต เป็นชนเผ่า..เหรอครับ? |
โดย : nic 19:54 - 8 มกราคม 2555 สวัสดีตอนค่ำครับ..น้องมิต ยังสบายดีอยู่มั๊ยครับ? |
โดย : nic 12:41 - 5 มกราคม 2555 มาทักทายตอนใกล้บ่ายครับ น้องมิต |
โดย : nic 00:18 - 4 มกราคม 2555 อ้อ..พี่มีข้อแนะนำเพิ่มเติมครับ หากน้องมิตต้องการออกไปท่องภพภูมิที่เป็นทิพย์จริงๆ น้องมิตต้องฝึกจิตให้ถึงขั้นอัปปนาฌานก่อนนะครับ จะฝึกแบบใดก็ได้ที่จะทำให้จิตสงบและละความอยากของเราลงได้ชั่วขณะ เมื่อเข้าอัปปนาฌานแล้ว ก็ถอนออกมา..แล้วเข้าไปใหม่ให้อยู่ในระดับอุปจาระ เสร็จแล้ว..ตั้งความต้องการให้มั่นว่าจะไปในภูมิไหน เช่น..จะขอชมพระเกศแก้วจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์..เป็นต้น เสร็จแล้วเข้าอัปปนาฌานใหม่ แล้วคลายจิตมาที่ระดับอุปจาระ แล้วเพิกจิตเฉยเสีย จะไปได้หรือไม่ได้..ก็แล้วแต่ความพอเหมาะพอดีของกำลังจิต และองค์ประกอบอื่นๆ แต่ให้ฝึกทำบ่อยๆ หากจังหวะลงล็อกพอดี น้องมิตจะเห็นความมหัศจรรย์ของจิตครับ |
โดย : nic 23:46 - 3 มกราคม 2555 น้องมิตครับ!.. พี่เองก็นับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำเหมือนกัน แต่จริตของพี่ไม่เหมาะแก่การฝึกในแนวทางของท่าน ของหลวงพ่อท่านจะเป็นมโนยิทธิ แปลว่า"ฤทธิ์ทางใจ"ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา6 ซึ่งอภิญญา6นี้ หากไม่มีอุปนิสัยที่เคยสั่งสมมา จะฝึกยากมาก เพราะจะต้องฝึกกสิณ10อย่าง หรือจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน10อย่างนั้น การฝึกกสิณ..หากไม่มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญควบคุมจะอันตรายมาก อาจถึงขั้นวิปลาศได้ มโนยิทธิ..เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา6ที่หลวงพ่อท่านดัดแปลงวิธีการให้ง่ายขึ้น พี่เคยศึกษาอยู่เหมือนกัน..แต่ไม่ได้ฝึก ก็เลยลืมๆไปแล้ว ส่วนสติปัฏฐาน4นั้น เป็นทางตรงสู่นิพพานนั้นถูกแล้ว แต่..ไม่ได้หมายความว่า การฝึกสติปัฏฐาน4จะทำให้ไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่ตรงกันข้าม..สติปัฏฐานนี้มีอุปการะมาก ที่จะทำให้การฝึกสมาธิในแบบต่างๆเจริญรุดหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น สติปัฏฐาน..จะทำให้ปัญญาแตกฉานมีญาณหยั่งรู้ว่องไว เป็นอุปการะในการฝึกแบบอื่น อย่างเช่น..อานาปานะสติ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกายคตาสติปัฏฐาน ซึ่งมีคุณอย่างมาก และปลอดภัยด้วยหากต้องฝึกเพียงลำพัง พี่ก็เจริญอานาปานสตินี่แหละครับเป็นหลัก ทำมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่อายุ16นั่นแหละครับ. |
โดย : nic 16:30 - 3 มกราคม 2555 ไม่ทราบว่า..ที่พี่อธิบายไปจะเข้าใจยากหรือเปล่า! |
โดย : nic 11:01 - 3 มกราคม 2555 สวัสดีครับน้องมิต.. เมื่อวานนี้พี่มีธุระยุ่งๆอยู่..เลยไม่ได้เข้ามาตอบครับ ลำดับขั้นของสมาธินั้น.. จะมี3ระดับครับ คือ1.ขณิกะสมาธิ คือสมาธิชั่วขณะ จะมีอยู่ในบุคคลทั่วไปที่ตั้งใจจะทำกิจการใดๆแล้วมีจิตใจอยู่กับสิ่งนั้น ซึ่งสมาธิแบบนี้จะอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วจิตจะถอนออกไปจากสิ่งที่จดจ่อนั้นออกไปรับอารมณ์อื่นๆที่จรเข้ามา แล้วก็จะดึงกลับเข้ามสู่อารมณ์นั้นใหม่ เข้าๆออกๆแบบนี้ นี่..จึงเรียกขณิกะสมาธิ เพราะว่าอารมณ์จะขาดเป็นห้วงๆไม่ต่อเนื่องกัน 2.อุปจาระสมาธิ สมาธิที่ต่อเนื่องแต่ยังไม่มั่นคง ยังมีความอ่อนไหวต่อสิ่งกระทบอยู่ ยังต้องประคับประคอง เป็นสมาธิระดับเฉียดๆฌาน..แต่ยังไม่ถึงฌาน องค์ประกอบของปฐมฌานมี5อย่าง คือ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข และเอกัคคตา แต่อุปจาระ..จะไม่มีเอกัคคตา ซึ่งไม่ครบองค์5แห่งปฐมฌาน เขาจึงเรียกว่า..สมาธิเฉียดฌานครับ ผู้ที่ชำนาญในวสีและมีอภิญญา เมื่อเข้าจตุถฌานแล้ว จะต้องถอนจิตมาที่อุปจาระก่อน..แล้วค่อยอธิษฐานจิต จากนั้นจึงเข้าจตุถฌานใหม่แล้วเพิกจิตเสีย คือวางจิตให้เป็นกลางไม่ยินดียินร้ายผลจะเกิดหรือไม่จิตจะไม่เข้าไปข้องในอารมณ์เลย 3.อัปปนาสมาธิ สมาธิแนบแน่น..จิตจะตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่ซัดส่ายไปไหน หากเราคิดจะอยู่ก็อยู่ได้เรื่อยๆ หากคิดจะออกเมื่อใดก็ออกได้ เป็นสมาธิระดับปฐมฌานขึ้นไปครับ น้องมิตถามว่า..จะสังเกตุอย่างไร! อันที่จริง..เมื่อจิตอยู่ในอารมณ์ของสมาธินั้นจะไม่มีความคิดเข้าไปสงสัยหรือเข้าไปแบ่งหรอกครับว่า.. ขณะนี้ถึงระดับนั้นระดับนี้แล้วนะ หากแต่มันจะเป็นไปตามกลไกของจิตเองโดยอัตโนมัติ ครั้นเมื่อเราถอนจิตออกมาแล้ว จึงค่อยเข้าไปแบ่ง..หรือบัญญัติเอาตามอาการของใจที่เกิดขึ้น แต่หากเราเจริญสติปัฏฐานสี่ให้มาก จะเกิดปัญญาญาณหยั่งรู้เองว่า สมาธิเราอยู่ในขั้นใดระดับใด ไม่ใช่คะเนได้ด้วยการสังเกตุครับ หากน้องมิตสงสัย..หรือติดขัดตรงไหนก็ถามมาใหม่นะครับ หากไม่เกินภูมิปัญญาของพี่ พี่ก็จะตอบให้ครับ. |
โดย : nic 21:13 - 1 มกราคม 2555 ใช่ครับ..เวทนาทางกายจะดับ เมื่อจิตตั้งอยู่ในองค์ฌานครับ.. จริงๆแล้ว..กายกับจิตมันแยกออกจากกันได้ครับ คนที่สามารถแยกกายกับจิตออกจากกันได้มี3ประเภทครับ คือ..1.ผู้ได้ฌานสมาบัติและชำนาญในวสี5 คือสามารถเข้าและออกฌานได้ตลอดเวลาเมื่อต้องการโดยไม่ต้องนั่งหลับตา 2.ผู้สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป และ3.คนตายแล้วครับ ถ้าน้องมิตทำสมาธิอยู่ในระดับพอใช้ได้ จะทดลองดูก็ได้ครับ เอาเวลาตอนปวดฟันน่ะครับ ใครที่เคยปวดฟันจะรู้ว่า เวลาปวดฟันน่ะ!..หงุดหงิดขนาดไหน ถ้าปวดฟัน..น้องมิตลองตั้งสมาธิ เอาจิตกำหนดที่จุดที่มันกำลังปวดอยู่ แล้วพิจารณาด้วยปัญญาว่า... อาการปวดนั้น..มันปวดที่กายหรือปวดที่ใจ ถ้าใจมันยอมรับความจริงและรู้ด้วยปัญญา ความรู้สึกของใจกับกายมันจะอยู่คนละส่วนกัน แต่มันจะยังปวดอยู่นะครับ เพียงแต่ใจมันไม่ทุรนทุราย มันจะดูอาการปวดอยู่เฉยๆ พอถึงที่สุดมันก็จะหยุดปวดของมันเองครับ. |
โดย : nic 20:10 - 1 มกราคม 2555 สวัสดีครับ..น้องมิต พี่ยังไม่รู้จะทานอะไรดีครับ อยู่คนเดียวเงียบๆเหงาๆ ลูกๆก็ไปเที่ยวกันหมด ก็เลยเข้ามาเล่นโพสท์จังนี่แหละ! ความเจ็บป่วย..มันเป็นเรื่องปกติของสัตว์โลกนี่ครับ อาหาร อากาศ อารมณ์ หากไม่อยู่ในสภาวะสมดุลย์ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างขึ้นมาได้ครับ ก็ร่างกายของมนุษย์เกิดมาด้วยการประชุมกันของธาตุทั้งสี่ โดยมีอากาศธาตุเป็นตัวประสาน และดำรงอยู่ด้วยผลของวิบากกรรมครับ อืม..พี่คุยหนักไปหรือเปล่า! กับวันที่ควรจะเบาๆสบายๆแบบนี้น่ะครับ? |
โดย : nic 22:52 - 31 ธันวาคม 2554 พี่ขออนุโมทนาบุญกับน้องมิตด้วยครับ กับการตั้งใจที่จะสวดมนต์ข้ามปี เรื่องสวดมน์นั้น อันที่จริง..เป็นกุศโลบายของท่านโบราณจารย์ ที่จะผูกจิตของผู้มีศรัทธาในศาสนา ให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิโดยง่าย การที่จะให้ผู้ที่ยังใหม่ต่อการฝึกจิตให้ตั้งในสมาธิ โดยไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวนั้นทำได้ยาก ท่านจึงให้สวดมนต์ภาวนาเป็นการยึดเหนี่ยวจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว นั่นคือวิธีทำสมาธิทางอ้อม ของท่านโบราณจารย์ทั้งหลายครับ พี่สารภาพตามตรงนะครับ พี่น่ะ!ขี้เกียจสวดมนต์บทยาวๆมาก พี่จะสวดอย่างมากก็แค่ตั้งนโม3จบ และสวดบทสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย คือ..อิติปิโส สวาขาโต และ..สุปฏิปันโน..เท่านั้น จากนั้นก็จะทำสมาธิเลย พี่ไม่ชอบสวดมนต์แบบนกแก้วนกขุนทองครับ คือถ้าสวด..จิตต้องดื่มด่ำลงในความหมายในบทสวดด้วย ปิติถึงจะเกิดครับ สวดแบบนกแก้วนกขุนทองคือสวดเหมือนท่องสูตรคูณน่ะครับ มันเป็นแค่การท่องจำ ประโยชน์ก็มีอยู่ครับ..คือทำให้ได้ขณิกะสมาธิ ดีกว่าคนที่ไม่ได้สวดอะไรเลย หรือไม่ได้ทำอะไรเลย เวลาที่เราสวดมนต์นั้นจิตจะเป็นสมาธิอย่างสูงก็แค่อุปจาระสมาธิเท่านั้น ต่อเมื่อจิตก้าวขึ้นสู่ปฐมฌาน จิตจะละคำสวดภาวนาทั้งหมดโดยอัตโนมัติครับ |
โดย : JAY JAY 20:03 - 31 ธันวาคม 2554 เล่นครับผม อิอิ จะเข้ามาทักเจแล้วใช่ไหมอ่าาาา |
โดย : JAY JAY 19:59 - 31 ธันวาคม 2554 ครับผม ม เจไม่คิดอะไรมากหรอกครับ อิอิ ..แล้วพี่ล่ะครัว วันนี้ไปไหนหรือป่าว |
โดย : JAY JAY 19:56 - 31 ธันวาคม 2554 คำตอบที่ให้เจมาไม่มีอย่าที่เจคิดเลยอ่า เจไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ แค่อยู่บ้านกับพ่อแม่น้องเฉย ๆ เองไม่ได้ออกไปไหนเลยครับพี่ |
โดย : JAY JAY 19:56 - 31 ธันวาคม 2554 สวัสดีตอนกลางคืนครับ ทานข้าวเยอะ ๆ นะครับ :--D |
โดย : nic 08:51 - 31 ธันวาคม 2554 สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ผลมงคลศรี ในดิถีขึ้นปีใหม่ให้สุขสม จงเบิกบานสำราญรื่นได้ชื่นชม ทุกข์ระทมจงจางหายมลายพลัน.. พี่มาอวยพรปีใหม่ล่วงหน้า ให้น้องมิต 1 วัน เผื่อพรุ่งนี้ยุ่งๆ ไม่มีเวลาเข้ามาครับ..น้องมิต |
โดย : JAY JAY 23:53 - 30 ธันวาคม 2554 นอนหลับฝันดีนะครับผม |
โดย : JAY JAY 20:31 - 30 ธันวาคม 2554 ขอบคุณนะครับพี่ สำหรับคำอวยพร ... นอนหลับฝันดีนะครับ .. จุฟจุฟ |
โดย : JAY JAY 16:04 - 30 ธันวาคม 2554 ครับผม อิอิ เจดีใจนะครับที่มีคนแอบติดตามเจแบบไม่รู้ตัวแบบนี้ เมื่อไหร่เจจะได้รู้ซะทีอ่ะครับ ว่าใครกัน คนไหน ที่แอบติดตามเจ อิอิ |
โดย : JAY JAY 15:31 - 30 ธันวาคม 2554 อ่ะแน่ะ แอดไปหมดทุกอย่าแล้วมั้งเนี่ย เป็นเพื่อนกะเจในไฮไฟด้วยแล้วหรือยังครับ อิอิ |