วันนี้เอสได้ไป "บริจาคเลือดมา ครั้งที่ 9 แล้ว" ก็เลยมาชวนเพื่อนๆไปบริจาคเลือดกัน

จริงๆแล้ว "เอสเองไม่ใช่คนดีอะไรหรอก" นะที่ไปบริจาคเลือดอ่ะ มันมีที่มาจ้า

ย้อนไปเมื่อ 4  ปีที่แล้ว สมัยวัยรุ่นอยู่ ยังไม่รู้จักเรื่องเพศดีพอ รู้แต่ว่า กูอยากกูเอา คนมันไม่เคยนี่นา

"ไม่ได้แฉตัวเองหรอกนะครับ" คืออยากให้เป็น "อุทาหรณ์" จำได้ว่า ช่วงนั้น เดือน สิงหาคม 2547 ละมั้ง "ภายใน 1 เดือน มีอะไรกับผู้หญิง 3 คน" ที่สำคัญ "ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย" แถม 2 ใน 3 ก็ทำแบบว่า ท้องได้ พูดไว้แบบนี้แล้วกันนะ

วัยรุ่นก็ธรรมดานะ ถ้าเคยแล้ว ก็ต้องเล่าให้เพื่อนฟัง ( ปัจจุบันไม่เล่าแล้ว เพราะเราต้องให้เกียรติผู้หญิง ลูกผู้ชายต้องไม่แฉครับ ) ทีนี้เพื่อนพูดกลับมาคำเดียว ผมทำอะไรไม่ถูกเลย เพื่อนมันบอกว่า "แล้วมืงไม่กลัวเอดส์เหรอ"

สั้นๆแต่ได้ใจความ พูดต่อไม่ถูก คิดอยู่ครู่นึง ก็นึกได้ว่า เออ ตอนนั้นกูทำอะไรลงไปวะ

ตัดสินใจจะไปตรวจเลือดทันทีเลย ไปโรงพยาบาลภูมิพล ( ของรัฐบาล ) ตั้งใจจะตรวจเลือด จึงไปถามพยาบาล "คุณหมอครับ ตรวจเลือดนี่ เสียค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ แล้วทราบผลภายในกี่วันครับ" พยาบาลตอบ "เสียค่าบริการ 150 บาท แรอ 15 วันค่ะ"

นึกในใจ บัดซบ กูเอามา 50 บาทเอง ทำยังไงดีวะ เครียดนะเว๊ย ( ทีตอนทำ ไม่คิด มันน่าสมน้ำหน้ามั๊ย )

เพื่อนมันเลยบอกว่า บริจาคเลือดเลยดิ เลยถามพยาบาลใหม่ว่า "แล้วถ้าบริจาคเลือดละครับ" พยาบาลตอบ "อ๋อ ฟรีค่ะ แต่รอ 15 วันเหมือนกันนะค่ะ" เท่านั้นแหละ ไม่รีรออะไรแล้ว

"บังเอิญ เลือดจม พอดี บริจาคได้" พอเข้าไปในห้องนะ อึ๊งครับ "เกิดมาไม่เคยเจอเข็มอะไรที่มันใหญ่ขนาดนี้มาก่อน" เลย ประมาณหลอดยาคูลล์ได้ แต่นึกในใจ เพื่อตัวเราเอง ตอนแรกมองนะ "พอเข็มเจาะเข้าไปนี่แหละ รู้สึก ซีด ทันทีเลย เลือดพุ่งไวมากๆ" สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หมอก็ให้ยา "ธาตุเหล็ก" มากิน

พยาบาลบอกว่า "ถ้ามีจดหมายไปบ้าน ภายใน 15 วัน แสดงว่าเลือดคุณผิดปกติ" ประมาณว่า มืงเตรียมตัวตายได้ "แต่ถ้าไม่มีอะไรแสดงว่าปลอดภัยดีค่ะ"

"หลังจากนั้น 3 วัน เกิดกอาการ ช็อคสติแตก" อึที่เคยเป็นสีเหลือง มันกลายเป็น "สีดำ ออก สีเขียวขี้ม้า" ตอนนั้นน้ำตาคลอเบ้า นึกในใจ โอ๊ว อายุไขของกู จบแค่ 19 เองเหรอเนี่ย ไม่จริงใช่มั๊ย ตั้งสติรีบไปที่โรงพยาบาล ถามหมอให้แน่ใจ "เอ่อ...คุณพยาบาลครับ อุจาระของผมมันมีสีดำอ่ะครับ" พยาบาลยิ้มแล้วบอกว่า "อ๋อลืมบอกไปค่ะว่า ยาธาตุเหล็กที่ให้ทาน จะทำให้อุจาระเป็นสีดำค่ะ" นึกในใจว่า อีห่า แล้วไม่บอกกูตั้งกับทีแรก กูเครียดนะเนี่ย 555+

อยากบอกว่า เป็น 15 วัน ที่นานที่สุดในชีวิตของเอสเลย รอจน 20 วันก้ยังไม่มีจดหมายมา จึงไปที่โรงพยาบาล ( อีกแล้ว ) เพื่อความแจสูงสุด

สุดท้าย "ปลอดภัยดี" จึงตั้งสัจจะกับตัวเองว่า "จะบริจาคเลือดไปตลอดชีวิต"

"เคยเป็นลมอยู่ครั้งนึงนะ" ไม่แน่ใจว่าครั้งที่ 3 หรือ ครั้งที่ 4 แหละ

ก็ไปทุกทีเจอหมอหน้าเดิมๆ "คราวนี้เจอหมอหน้าใหม่ สวยด้วย" เลยถามเค้าว่า "ไม่ทราบว่า มาใหม่หรือเปล่าครับ ผมไม่เคยเห็นหน้าเลย" เค้ายิ้มแล้วบอกว่า "เพิ่งมาค่ะ มาได้ 3 วันแล้วค่ะ" จากนั้นเค้าก็เอา"ยางมามัดต้นแขน" เพื่อให้เลือดสูบฉีดได้อย่างกระฉูด "แต่มันแน่นโคตร" เราก็นึกว่าไม่มีอะไร "ระหว่างที่เค้าทายาให้บริวเณข้อแขน มือเค้าก็สั่น น้ำยาหกกระจาย" นึกในใจว่า เอาแล้วกู งานเข้าแล้วไง เค้าเอาเข็มเจาะเข้ามา อยากบอกว่า โคตรเจ็บอ่ะ เจาะเข้าเจาะออก คือมันไม่ตรงที่สักที จนหมอใหญ่ต้องมาเจาะแทน ด้วยความที่มีความอดทนพอ จึงบอก ทนได้ ไม่เจ็บครับ

ปกติเลือดจะเต็มถุงประมาณ 5-10 นาทีแล้วแต่เราคอยบีบมือ ( เค้าจะมียางมาให้เราบีบ เพื่อเลือดจะได้เดินทางตามจังหวะ ) แต่ดูนาฬากา "ยังไม่ทัน 3 นาทีเลย เลือดเต็มแล้ว" พยาบาลก็เข้ามาเอาเข็มออก จำความได้ว่า "พอเอาเข็มออกปุ๊ป หลับทันที ( เป็นลม )" แล้วลืมทุกอย่าง รู้แต่ว่า ตื่นมาอีกที หมอทั้งหมด 8 คน รวมแฟนเอสด้วย เป็น 9 คน มามุงที่เตียงหมดเลย

ถามเค้าว่า "เกิดอะไรขึ้นครับ" หมอบอกว่า น้องเป็นลมไป แล้วชักกระตุก ไล่ตั้งแต่ขาขึ้นมาหัว พี่ดูอาการว่า ถ้าเขย่าตัว เรียกชื่อ ไม่ฟื้นอีกภายใน 2 นาที พี่จะป้ำหัวใจ ที่เป็นแบบนี้เพราะ "พยาบาลรัดต้นแขนแน่นเกินไป ทำให้เลือดสูบฉีดเกินพิกัด" คิดดูแล้วก็ฮาดี

หลักเกณฑ์ง่ายๆในการบริจาคเลือดครับ

1. เป็นชายแท้ หญิงแท้ ( ขอย้ำว่าแท้ เพราะเค้าไม่เอา เพศอื่นเลย ) ที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไป

2. สูง 155 เซนติเมตรขึ้นไป และ หนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป

3. นอนพักผ่อนเพียงพอ เกิน 6 ชั่วโมง ( ผมเคยดูบอลแล้ว นอนแค่ 3 ชั่วโมง ครึ่งด้วย ไม่เป็นไรหรอก ถ้าแข็งแรงดี )

4. ทานอาหารประจำมื้อ ( ผมเคยไม่ทานด้วย เพราะกินไม่ลง ไม่เป็นไร แข็งแรงดี )

5. ไม่เคยเจาะ สัก ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ( เพราะเค้าถือว่า ผ่านเข็มอื่นมา ซึ่งเสี่ยงต่อโรค )

6. ไม่ได้รักษารากฟัน ภายใน 3 วันที่ผ่านมา ( อันนี้ไม่รู้ )

7. ไมได้รับประทาน ยา ต่างๆมา จำพวก ยาแก้อักเสบ ฯลฯ เยอะจัดจำไม่หมด

8. ไม่มีโรคประจำตัว ตามที่เค้ากำหนด

9. ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือรักร่วมเพศ

10. หากเป็น หญิง ต้องไม่มีประจำเดือน หรือตั้งครรค์ เพราะจะอ่อนเพลียง่าย

ข้อควรระวังก่อนและหลังจากบริจาคเลือดครับ

1. ถ้าคิดจะบริจาคแล้ว อย่าถอนตัวครับ เพราะเค้าเสียเวลาคีย์ข้อมูล กรอกเอกสาร เตรียมอุปกรณ์แล้ว ถ้าเปลี่ยนใจกลางคัน เสียงบประมาณโดยใช่เรื่อง

2. อย่างที่บอก ถ้าหมอรัดต้นแขนแน่นเกินไป บอกเลยนะครับ

3. เสร็จแล้วไม่ควรลุกทันที สำหรับมือใหม่นะ นอนเล่นสัก 5 นาทีก่อน หมอเค้าจะดูสีหน้าเราเอง ลองดูคนอื่นนะครับ ถ้าใครหน้าซีด นั่นแหละ ครั้งแรกๆเลย

4. ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติครับ

5. อึมีสีดำหรือเขียวขี้ม้า อย่าตกใจครับ จะเป็นจนกว่า ยาจะหมดนั่นแหละ

อันนี้ผมคิดด้วยตัวผมเองนะ ที่เค้าว่ากันว่า "บริจาคเลือดแล้วจะทำให้อ้วน" ผมว่าไม่จริงนะ "ผมเองสูง 188 หนัก 75 บริจาคเลือดแล้ว ก็เท่าเดิม" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ที่แน่ๆ 100% เมื่อเรากินยา"ธาตุเหล็ก"แล้วมันจะทำให้เราหิวมากกว่าเดิม "ประมาณว่า กินข้าวเสร็จ กินยา หิวต่อทันที" จริงๆนะ หรือผมคิดไปเองไม่รู้ แต่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆครับ

แถมเกร็ดเล้กๆน้อยๆ

1. การบริจาคแต่ละครั้งก็ได้เข็มตามที่กำหนดด้วยนะครับ สูงสุด 108 ครั้ง

2. คนปกติ บริจาคได้ 3 เดือน ต่อ 1 ครั้งครับ ( 1 ปี ก็ 4 ครั้งเอง )

3. บริจาคครั้งนึง 450 cc เท่ากับน้ำประมาณ 1-2 แก้ว ( คนปกติมีน้ำในตัว 15-18แก้ว แล้วแต่คน )

4. เลือดที่ได้แล้ว ใช้เวลาตรวจทั้งหมด 15 วัน และต้องใช้ให้หมดภายใน 20 วัน ก่อนที่มันจะหมดอายุ ( รวม 35 วัน )

5. แต่เลือดไม่เคยหมดอายุ เพราะ 15 วันปุ๊ป ก็ต้องใช้ปั๊ป เพราะ คน 1 คน บริจาคได้ 3 เดือน ต่อ 1 ถุง แล้วมีกี่คนที่บริจาค แล้วมีกี่คนที่เลือดไม่ผ่าน แต่อุบัติเหตุทีนึง แขนขาขาด ใช้เลือดทีละ 5 ถุงขึ้นไป

6. จำไว้เลยว่า บริจาคที่ โรงพยาบาลของรัฐบาลเท่านั้น หรือสภากาชาด ก็ได้ เพราะถ้าไปที่โรงพยาบาลเอกชนบางที่ เค้าเอาเลือดเราไปขายคนรวยนะ

หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอให้เพื่อนๆสนุกกับการบริจาคเลือดนะครับ เอ๊ะ !!! ยังไง