หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ

สเปซของ มิตตา

ไม่ได้อัพเดทสถานะมาช่วงหนึ่งแล้ว

คอมเม้นต์สมุดเยี่ยม

กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนคอมเม้นต์
nic : 09:16 - 5 กุมภาพันธ์ 2555
สิ่งที่น้องมิตเห็นนั่น เป็นปฏิภาคนิมิตขององค์กสิณพระพุทธรูปครับ พี่ถึงบอก..ถ้าจิตไม่เข้มแข็งจริงๆไม่ควรฝึกกสิณ เพราะทำให้เกิดความกลัวและอาจวิปลาศได้ แต่ถ้าน้องทำได้ถึงขั้นนั้น..อย่ากลัวครับ นั่นเป็นเพียงภาพนิมิต ถ้าเห็นแบบนั้นอีก ให้คุมสติให้มั่นคงแล้วเพ่งดูเฉยอยู่ ตั้งปณิธานไว้ว่า..ตายเป็นตาย ถ้าจะตายเพราะการปฏิบัติธรรม ก็ขอมอบกายถวายชีวิตนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเถิด ถ้าจิตน้องมั่นคงดีแล้วอาการหมุนมันจะหยุด มันเหมือนตอนที่พี่ถอดกายทิพย์ได้ใหม่ๆนั่นแหละ และเมื่อนิมิตนั้นหยุดคงที่แล้ว ให้อธิษฐานย่อให้เล็กลง และหัดเคลื่อนย้ายองค์นิมิตให้ชำนาญ นี่คือการฝึกวสี..คือความชำนาญในการใช้กสิณครับ เมื่อย่อ..ขยาย..เคลื่อนย้ายได้ดังใจปรารถนาแล้ว ให้ย่อองค์กสิณเข้ามาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย นี่คือการฝึกวิชชาธรรมกายครับ วิชชาธรรมกาย เป็นอาโลกกสิณ+กสิณพระพุทธรูป ผู้สำเร็จวิชชาธรรมกาย จะได้มโนยิทธิ และทิพยจักษุด้วย
nic : 08:25 - 5 กุมภาพันธ์ 2555
โห..กดซ้ำ..มันเลยมาสองอันเลย ยาวมากไปลบออกอันนึงนะครับ เปลืองเนื้อที่ป่าวๆครับ
nic : 08:19 - 5 กุมภาพันธ์ 2555
สาธุ..ดีแล้วครับน้องมิต ขอให้เจริญในธรรมครับ

...มาต่อกันเลย พี่ทำสมาธิในแบบอานาปานะสติทุกวันในเวลาก่อนจะนอน ด้วยการกำหนดดูลมหายใจเข้าภาวนา..พุทธ ลมหายใจออกภาวนา..โธ ทำอย่างนี้ไปสักพัก จิตจะละคำภาวนาเอง ปรากฏอาการของปีติซาบซ่านขึ้น มีอาการขนลุกพอง บางครั้ง..กายโยกโคลงไปม บางครั้งกายเบาเหมือนลอยได้ ซึ่งจะต่างจากช่วงแรกๆที่นั่งนานไปก็จะปวดเข่า ปวดขา ขาชา ง่วงหลับไปก็มี แต่พอปีติเกิด ก็รู้สึกติดในสมาธิ พอคลายจิตออกมาก็รู้สึกเป็นสุขอิ่มเอิบ นี่แหละหนอ..ตัวบุญหล่ะ! พี่ติดสุขในสมาธิอยู่นานทีเดียว เพิ่มเติมนิด..ที่พี่เลือกฝึกอานาปานะสติ เพราะอานาปานะสตินี่ปลอดภัยสุด สำหรับผู้ฝึกที่ไม่มีอาจารย์ดูแลให้คำแนะนำ กสิณนั้นหากไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยแก้จิตให้ อาจหลงติดนิมิตทำให้จิตวิปลาศได้ พี่เลยไม่กล้าฝึกกสิณครับ มาต่อเรื่องอานาปานะสติครับ สมาธิพี่ก้าวหน้าเป็นลำดับ แต่เป็นไปแบบช้าๆ มีความแนบแน่นมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ จนความรู้สึกทางกายเกือบไม่มี จิตดิ่งทรงตัวอยู่อย่างนั้น อยู่จนพอใจ พอนึกจะออกจิตก็คลายตัวออก มีอยู่วันนึง พี่อยากรู้ว่าเวลาฝันนี่..มันเป็นยังไงนะ ไอ้ที่มันฝันไปนั่นไปนี่น่ะ มันจะเป็นอย่างไร พอพี่ทำสมาธิตามปกติแล้ว พี่ก็คลายจิตออกมาที่ระดับอุปจาระ(ตอนนี้รู้ระดับจิตแล้ว) แต่ไม่ออกในทันที พี่ประคองจิตไว้ที่อุปจาระ..แล้วเอนกายลงนอนในท่าที่สบาย แต่ยังทรงจิตในสมาธิไว้ สักพักมันวูบดิ่งไปแบบจะเผลอหลับแต่ไม่หลับ ปรากฏมีอีกกายซ้อนขึ้นมา ความรู้สึกจากช่วงบนเริ่มหายไปจนหมดตลอดเท้า ไปปรากฏความรู้สึกที่อีกกายที่ปรากฏขึ้น นี่คือการถอดกายทิพย์นั่นเอง แต่พอหลุดออกมาแล้วพี่ยังตั้งหลักไม่ได้ มันตื่นเต้นเคว้งคว้าง กายหมุนติ้วแบบไร้น้ำหนัก คือยืนไม่ติดพื้น เป็นแบบนี้สักพัก..ความรู้สึกก็กลับเข้าร่าง พี่รู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้เพียงแค่ออกไปแล้วไม่ทันได้ไปไหนก็ตาม ความตั้งทีแรกที่ฝึก เพราะอยากมีตาทิพย์ แต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นการถอดกายทิพย์ออกท่องเที่ยว เหมือนพวกเล่นมโนยิทธินั่นแหละครับ ตาทิพย์กับมโนยิทธิต่างกันตรงที่ ตาทิพย์นั่งอยู่กับที่ แต่ภาพเปิดออกให้เห็นตามจิตที่อธิษฐาน ส่วนมโนยิทธินี่ถอดกายทิพย์ออกท่องเที่ยวเลย มันจะเหมือนความฝันนั่นแหละครับ แต่มันชัดเจนมากกว่า มีสติรู้ตัว และควบคุมตัวเองได้ ส่วนความฝันนั้นชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้าง สะเปะสะปะ ควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่เป็นอยู่อย่างนั้นหลายครั้งครับ..ที่ออกไปแล้วไปไหนไม่ได้ หมุนติ้วๆอยู่น่ะ...

วันนี้พักแค่นี้ก่อนครับ พี่ต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวตอนหน้า จะเล่าให้ฟังว่าได้ออกไปเที่ยวไหนบ้าง
เเอร์เอง : 08:00 - 5 กุมภาพันธ์ 2555
สวัสดีตอนเช้าๆครับคุณมิต ขอให้มีความสุขทั้งวันคับ
nic : 04:37 - 5 กุมภาพันธ์ 2555
วันนี้พี่หลับไปตื่นนึงแล้ว จึงเข้า
มาเล่าประวัติการปฏิบัติธรรมต่อนะครับ..

...หลังจากศึกษาแนวปฏิบัติของมโนยิทธิแล้ว ก็ทราบว่าต้องไปฝึกกับครูบาอาจารย์ก่อน โดยให้เราทำสมาธิขั้นพื้นฐานให้ได้ แล้วอาจารย์จะใช้พลังจิตที่เหนือกว่าคุมเราขึ้นไป เพื่อให้รู้จักแนวทาง ดูแล้วเหมือนการสะกดจิตยังไงยังงั้นเลยครับ การรู้การเห็นไม่ได้เกิดเองตามสติปัญญาของเรา พี่พิจารณาดูแล้ว ไม่ใช่แนวทางของพี่ พี่เลยเลิกศึกษาแนวมโนยิทธิอีกเลย ต่อจากนั้น..พี่หันมาศึกษาการสอนในแนวทางต่างๆของครูบาอาจารย์หลายท่านผ่านตัวหนังสือ เพราะชีวิตพี่ต้องลำบาก ทำงานตั้งแต่เด็ก ไม่มีโอกาสไปเสาะหาครูบาอาจารย์ที่ไหน จนกระทั่ง..พี่มาพบประวัติและธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พี่รู้สึกศรัทธาในตัวท่านมาก..และพี่มาทราบภายหลังว่า.."ศรัทธา..เป็นมารดาเลี้ยงธรรมให้งอกเงย" ฉะนั้น..จะปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้าต้องปลูกศรัทธาให้เกิดมีขึ้นเสียก่อน หลังจากนั้นพี่ก็ฝึกอานาปานสติ โดยมีคำภาวนาว่า"พุทโธ"กำกับมาโดยตลอด มีพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ มีหลวงปู่มั่นเป็นอาจารย์แม่แบบ โดยที่พี่ไม่มีโอกาสเห็นตัวตนของอาจารย์ทั้งสองเลย พี่ฝึกมาเรื่อยๆด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในแนวปฏิบัติที่เลือกแล้ว สำคัญมากนะ! เมื่อเลือกแล้ว..ต้องมั่นคงในแนวทางที่ตัวเองเลือก อย่าเปลี่ยนไปเปลี่นมา เพราะนั่นแสดงถึงความโลเลไม่มีความมั่นคงในจิต ...ด้วยการที่เข้าไปตั้งค่าไว้ในจิตว่าต้องฝึกให้มีตาทิพย์ให้ได้ จึงเป็นอุปสรรคในการเจริญสมาธิ เพราะนั่นเป็นกามฉันทะขั้นละเอียด เป็นนิวรณ์ขวางการปฏิบัติฌานไม่ให้บรรลุได้ แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้ มารู้เอาตอนหลัง(ผ่านจุดนั้นมาแล้วถึงรู้) พี่จะนั่งสมาธิตอนก่อนนอนทุกวัน พี่เป็นคนขี้เกียจสวดมนต์มาก คือพี่ไม่รู้เหตุผลในการสวดมนต์ว่าเขาสวดกันทำไม(ในตอนนั้น) คือ..นิสัยพี่น่ะ!..ถ้าทำโดยไม่รู้เหตุผลพี่จะไม่ทำ แต่พี่ก็จะสวดมนต์บ้างเป็นบางครั้งนะ เพราะอย่างน้อยสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งดีถึงจะไม่รู้เหตุผลก็ตาม สมาธิของพี่ก็ตั้งมั่นดีพอสมควร โดยไม่รู้ว่าเป็นฌานหรือไม่!..สมาธิกับฌาน..ต่างกันอย่างไร(ในตอนนั้น) พี่ฝึกมานานหลายปีก็ไม่มีอะไรนอกจากความสงบ และปีติสุขในบางครั้ง ใครๆในที่ทำงานเค้าหาว่าพี่น่ะบ้า (พี่พักในที่ทำงานครับ) ส่วนพี่ชายที่ทำงานอยู่ด้วยกันก็เตือนว่า"มึงฝึกโดยไม่มีอาจารย์..ระวังจะเป็นบ้านะ!"..หึหึ..นั่นคือคำเตือนของพี่ชายผู้หวังดีของพี่ครับ..

วันนี้..พี่พักไว้เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวว่างๆจะมาต่อใหม่ อ้อ..น้องมิตครับ หากน้องมิตจะเอาประวัติการปฏิบัติธรรมของพี่ลงในบล็อกสเปซของน้องเพื่อความต่อเนื่องในการอ่านทบทวน พี่ก็ยินดีและอนุญาตนะครับ แต่พี่ไม่อยากลงในสเปซพี่ เพราะมีหลากหลายผู้คนที่ต่างแนวคิดเข้ามา หากมีบางคนที่ไม่ศรัทธาเชื่อถือในธรรม เขาก็จะปรามาสเอาได้ จะเป็นบาปกับเขาเปล่าๆครับ
nic : 21:13 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
คนมีปัญญามาก ก็ใช่ว่าจะสำเร็จโดยง่าย หากมีความเห็นผิด ก็ไม่มีใครจะโปรดได้ง่ายๆ เพราะคนฉลาดส่วนใหญ่มีทิฏฐิในอัตตาสูงมาก คนมีความเชื่อ..จะโน้มน้าวง่ายกว่า โชคดี..ที่น้องมีศรัทธาเป็นตัวตั้ง ฉนั้น..จงปลูกศรัทธาให้มีพลัง จะฝึกแบบใดให้เลือกให้จงมั่น แล้วพี่จะคอยเป็นพี่เลี้ยงผ่านทางเว็บให้นะครับ
เเอร์เอง : 20:25 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
ใช้ครับๆ ให้พี่นิคเป็นที่ปรึกษาของเรา
เเอร์เอง : 19:42 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
วันนี้เรียนทั้งวันเลยครับฝนตกด้วย เหนื่อยๆนิดนึงครับมิต ^ ^ มิตละครับวันนี้ทำอะไรมาบ้าง
nic : 19:10 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
คือ..งี้ครับ..จิตที่ยังละความอยากไม่ได้นี่! มันเข้าถึงฌานไม่ได้อยู่แล้ว ให้น้องวางความรู้ในตำราให้หมดนะครับ เพราะถ้าน้องยังยึดตำราอยู่ มันจะเกิดนิวรณ์อีกตัวคือวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย เลยเป็นดับเบิ๊ลนิวรณ์หนักเข้าไปอีก ปัญญาพิจารณาในที่นี้คือโยนิโสมนสิการ คือตั้งอุบายไว้โดยชอบ ทำให้จิตควรแก่การงาน อธิบาย;ให้ตั้งคำถามถามตัวเองแบบปุจฉา..วิสัชนาน่ะครับ ถามเองตอบเองจนจิตยอมรับแล้วคลายความอยากเองครับ จริงๆแล้วโดยวิถีธรรมชาติ หากความพยายามของเราไม่สัมฤทธิ์ผล จิตจะคลายความอยากไปเองแต่จะใช้เวลานาน และอาจพาลเบื่อเลิกปฏิบัติไปด้วย เพราะคิดว่าไม่มีผลจริง
nic : 18:21 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
อืม..แต่ละคน..สั่งสมบารมีมาไม่เหมือนกัน จะเลียนแบบกันนั้นคงยาก ก่อนอื่นน้องต้องใช้ปัญญาพิจารณาจนจิตยอมคลายความอยากลงได้ เพราะความอยาก..มันคือกามฉันทะ..นิวรณ์ตัวใหญ่ที่ขวางจิตไว้ไม่ให้เข้าถึงฌานครับ ถ้าน้องมิตละวางความอยากเห็นไม่ได้ ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ครับ ความอยากนี้จะละได้ด้วยปัญญาที่ใช้พิจารณาจิตครับ
nic : 17:57 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
อ้อ..ให้เห็นทุกเวลาที่นึกได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน..หรือทำอะไรอยู่ก็ตาม เห็นไหม! สติปัฏฐานสี่ไม่ต้องรอกาลเวลา ไม่ต้องมีพิธีรีตอง เมื่อชำนาญในกายดีแล้วค่อยไปดูเวทนานะครับ ตอนนี้ให้ดูกายไปก่อน
nic : 17:52 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
ใช่ครับ..ถ้าพิจารณากาย ก็ให้เห็นกาย เห็นทุกอากัปกริยาของกาย ลมหายใจเข้าออกนี่..ก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนะครับ เห็นนี่..คือให้เห็นด้วยใจและความรู้สึกนะครับ ไม่ใช่ให้มองด้วยตาเนื้อ ถ้าให้เห็นด้วยตาเนื้อเราจะไม่เห็นใบหน้าเราเองนอกจากส่องกระจก แต่เห็นด้วยใจและความรู้สึกมันจะเห็นหมด ฝึกใช้ใจมองจนเห็นชัดเจนในมโนทวารนะครับ การฝึกแบบนี้..จะได้ทั้งสมถะและวิปัสสนาครับ สาธุ
nic : 16:57 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
น้องมิตครับ หากน้องมิตต้องการฝึกสติปัฏฐานสี่ ไม่ต้องไปหาที่ฝึกที่ไหนไกลบ้านหรอกครับ เพราะมันมีอยู่ที่กายกับใจของน้องแล้วครับ และพี่ยินดีที่จะแนะนำให้ เพราะเป็นแนวถนัดของพี่อยู่แล้วครับ

...สติปัฏฐานสี่..มีอุปการะมาก ทำให้สติปัญญาแตกฉาน รู้อะไรได้เร็วและลึกซึ้ง และเป็นทางตรงสู่นิพพาน ผู้ฝึกสติปัฏฐานสี่ หากตั้งจิตปรารถนาไว้ในฤทธิอภิญญา เมื่อสำเร็จเป็นพระอริยะสงฆ์..หรืออริยะบุคคล ย่อมสำเร็จฤทธิ์ตามกำลังบารมีที่ตั้งไว้ มี เตวิชโช สำเร็จพร้อมวิชชาสาม ฉฬภิญโญ..สำเร็จพร้อมด้วยอภิญญาหก และปฏิสัมภิทัปปัตโต สำเร็จพร้อมปัญญาแตกฉานในธรรมสี่ประการ คือแตกฉานในพระไตรปิฎก.. สามารถบรรยายธรรมได้ล้ำลึกพิศดาร และย่อความที่เข้าใจได้ยากให้เข้าใจง่าย รู้และเข้าใจในทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาของมนุษยอมนุษย์ และภาษาของสัตว์ทั้งหลาย
แต่พระอริยสงฆ์ที่สำเร็จพร้อมปฏิสัมภิทาญาณ4นี้ จะมีมากในสมัยพุทธกาล ในปัจจุบัน จะมีหรือเปล่าพี่ก็ไม่ทราบได้.. เพราะมันล่วงวิสัยที่พี่จะรู้ได้ครับ

สติปัฏฐานสี่ เริ่มที่กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใช้สติพิจารณาทั่วไปในกาย..ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาให้เห็นกายปรากฎพร้อมสติกำกับตลอดเวลา ถ้าทำอย่างนี้ได้ตลอดเวลาด้วยความเพียรพยายาม ในพระไตรปิฎกรับรองไว้ว่า.. อย่างเร็ว7วัน อย่างกลาง7เดือน อย่างช้า7ปี..ต้องสำเร็จมรรคผลแน่! นี่..เป็นคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ พี่จำได้ขึ้นใจเลย
nic : 15:08 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
ครับ..น้องมิต หากประสบการณ์ของพี่ จะเป็นประโยชน์แก่น้องๆ พี่ก็ยินดีเล่าให้ฟัง(อ่าน)นะครับ

....หนังสือเล่มนั้นมีชื่อเรื่องว่า"สาวตาทิพย์" เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คที่เล่มกระทัดรัดที่ไม่หนามาก พี่ยืนอ่านที่ร้านหนังสือติดที่ทำงาน อ่านไปได้สี่ห้าหน้าถูกใจเลยซื้อไว้เลย พี่อ่านอย่างตั้งอกตั้งใจจนจบเล่มในวันเดียว แล้วเกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก แต่ในหนังสือไม่ได้บอกถึงวิธีฝึก หรือแหล่งที่จะไปหาความรู้เพิ่มเติมที่ไหน เป็นเรื่องเล่าแบบเรียงความเฉยๆ พี่จึงค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตัวเองจากหนังสือต่างๆ ด้วยสมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ค้นหาเหมือนเดี๋ยวนี้ พี่ต้องอาศัยหนังสือเป็นไก๊ด์นำทาง ตอนนั้น..พี่อ่านหนังสือ..คนพ้นโลก เป็นหนังสือแนวเดียวกับหนังสือ"โลกทิพย์" (ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่ไหม) แต่คนพ้นโลกเลิกทำไปนานแล้ว เพราะเหตุ..บก.เสียชีวิต เลยไม่มีคนสานต่อ คณะผู้จัดทำบางคนเลยหันไปทำหนังสือโลกทิพย์ขึ้นแทนที่ ก็จะเป็นในแนวเสาะหาพระอาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในสายต่างๆมาแนะนำ และนำธรรมบรรยายของครูบาอาจารย์มาลงไว้ และตอบปัญหาธรรมะและแนวทางการปฏิบัติธรรม และมีอยู่เล่มนึง ที่เค้าแนะนำถึงท่านอาจารย์มหาวีระ ถาวโร(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา หลวงพ่อปานนั้น ท่านเป็นพระทรงอภิญญา ท่องป่าเดินธุดงค์มีประสบการณ์มากมาย หลวงพ่อปานท่านมีลูกศิษย์เยอะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นหนึ่งในจำนวนศิษย์หลายคนที่ถูกกล่าวถึงมากในสมัยนั้น ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นทหารและข้าราชการเยอะมาก ท่านโด่งดังในเรื่องการสอนมโนยิทธิ และการเป่ายันต์เกราะเพชร ตอนนั้น..พี่สนใจศึกษาเรื่องมโนยิทธิ ศึกษาเรื่องกรรมฐาน40กอง โดยเฉพาะเรื่องกสิณ10นี่..พี่ศึกษามาก่อน(เหมือนน้องสองคนที่กำลังสนใจในเรื่องเหล่านี้อยู่ตอนนี้) พี่เคยผ่านตรงจุดนั้นมาแล้ว พี่จึงเข้าใจครับ

...วันนี้..พักเท่านี้ก่อนครับ นี่มาถึงตอนเริ่มศึกษาหาข้อมูลที่จะฝึกมโนยิทธิแล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไว้ติดตามตอนต่อไป..สาธุ
nic : 01:12 - 4 กุมภาพันธ์ 2555
อืม..คงรู้แล้วเน๊อะ! ว่าเมื่อวานทำไมแอร์หายไป อย่าคิดเอาเองอีกนะครับ เดี๋ยวจะเป็นทุกข์ อย่าดูถูกตัวเอง มันจะทำให้จิตหดหู่ กำลังใจถดถอย พี่เอง..ปฏิบัติมาตั้งแต่อายุสิบหก จากแรงบันดาลใจของหนังสือเล่มหนึ่ง ที่มีคุณครูท่านนึงเขียนยกย่องสตรีคนหนึ่งที่ท่านชื่นชม สตรีท่านนั้นชื่อคุณเล็ก เธอเป็นเด็กอ่อนแอขี้โรค คุณแม่เลยเอามายกให้เป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่อบ๋าวเอิง เจ้าอาวาสวัดญวนสะพานขาว กทม. (คติ..ความเชื่อโบราณ..หากลูกขี้โรค..เลี้ยงยาก ให้เอาไปยกให้เป็นลูกคนอื่ แต่ไม่ได้ยกให้จริงๆ เป็นแต่ออกปากยกให้เท่านั้น) เมื่อหลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านรับคุณเล็กไว้เป็นลูกบุญธรรมแล้ว ท่านก็สอนคุณเล็กให้นั่งสมาธิ จนคุณเล็กสำเร็จ ได้ทิพยจักษุ สามารถเห็นสิ่งต่างๆที่คนอื่นไม่อาจเห็นได้ และสามารถติดต่อเทพเทวาบนสวรรค์ได้ด้วย อ้อ..ขยายความนิดนึง หลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านเป็นพระญวนที่บวชในนิกายมหายาน เหมือนหลวงจีนนั่นแหละครับ ท่านมีความสามารถติดต่อเทพบนสวรรค์ได้ ด้วยการอัญเชิญองค์เทพให้มาปรากฏบนนิ้วมือ แล้วให้ช่างปั้นรูปเหมือนเอาไว้หลายองค์ ท่านสำเร็จญาณทิพย์ มีทิพยจักษุเหมือน แต่เนื่องจากเป็นพระ จึงไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือขอบเขตพระวินัยได้ จึงได้คุณเล็กเป็นตัวแทนในการช่วยสงเคราะห์คน คุณเล็กโด่งดังมากในยุคนั้น จนมีคุณหมอในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เชิญตัวไปทดสอบการเห็นด้วยตาทิพย์ของเธอในโรงพยาบาล ด้วยการให้เธอตรวจหาสาเหตุการป่วยของคนไข้หนัก4ราย เธอใช้ทิพยจักษุตรวจดู แล้วบอกสาเหตุการเจ็บป่วยแต่ละรายให้หมอฟัง คุณหมอพากันอึ้ง! เธอไม่เคยเรียนวิชาการแพทย์ เธอบอกสาเหตุและวิธีรักษาอย่างถูกต้อง หมอบอกว่า..สามรายแรก หมอตรวจวินิจฉัยและทราบสาเหตุแล้ว แต่อีกหนึ่งรายไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่คุณเล็กเห็นและบอกวิธีรักษาให้กับหมอได้ ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เนื้อความในหนังสือนี้ สร้างแรงบันดาลใจให้พี่ฝึกสมาธิ เพื่อจะได้ตาทิพย์อย่างคุณเล็กบ้าง จะได้เอาไปช่วยเหลือผู้คนที่เป็นทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ.. ศันนี้พอแค่นี้นะครับ ดึกมากแล้ว หากน้องสนใจ..พี่จะมาเล่าต่อครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ